top of page
ค้นหา

การปลูกผมแบบใช้ยา

เคสนี้หมอทันจะมาเล่าเรื่องการปลูกผมแบบใช้ยา จะเห็นได้ว่า ผมบริเวณไข่ดาวหนาขึ้นอย่างชัดเจน




เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับผมร่วงสำหรับผู้ชายกัน


ผู้ชายผมร่วงจากกรรมพันธุ์



ฮอร์โมนที่ชื่อ dihydrotestosterone หรือ DHT ในร่างกาย ซึ่งฮอร์โมน DHT นี้ เป็นฮอร์โมนที่มีในเพศชาย ทำหน้าที่กระตุ้นให้เกิดการพัฒนาอวัยวะหลายส่วนในร่างกายให้มีความเป็นผู้ชายมากขึ้น เช่นการเกิดเสียงแตกในวัยรุ่น การเกิดของเส้นขนรักแร้ ขนแขน ขนขา รวมไปถึงการเจริญเติบโตของอวัยวะเพศอีกด้วย คนที่มีกรรมพันธุ์ด้านผมร่วงและผมบาง ฮอร์โมน DHT ก็จะไปส่งผลต่อเส้นผมที่อยู่ในระยะเจริญ (anagen phase) ทำให้เส้นผมบนศีรษะของผู้ชายมีรากผมที่เล็กลง เส้นผมเปราะลง เล็กลง และหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น จึงเกิดผมร่วงเป็นรูปตัวเอ็มและไข่ดาวบนศีรษะดังรูปคนไข้ด้านล่าง


แนวการรักษามี 2 แบบ คือ non-hair transplant และ hair transplant


1. Non-hair transplant การปลูกผมโดยใช้ยา



การออกฤทธิ์ของ Finasteride เมื่อเรารับประทาน Finasteride ตัวยาจะออกฤทธิ์ไปยับยั้งการสร้าง DHT ได้ทันที แต่ด้วยอัตราการเจริญเติบโตของเส้นผมที่ประมาณ 15 เซนติเมตรต่อปี (หรือประมาณ 1 เซนติเมตรต่อเดือน) ผลของตัวยาจึงใช้เวลากว่าจะเริ่มเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า


ในช่วง 3 เดือนแรก จะไม่สามารถเห็นผลของยาได้ด้วยตาเปล่า ความแน่น และลักษณะของเส้นผมในเกือบทุกจุดจะยังดูไม่มีการเปลี่ยนแปลง


ในช่วงเดือนที่ 6 จะเริ่มเห็นผลของตัวยามากขึ้น ตัวอย่างที่จะสามารถเห็นได้ชัดเจน ได้แก่ ผมที่หลุดร่วงลดลง บางส่วนของแนวไรผมมีความหนาแน่นมากขึ้น บริเวณที่เคยเป็นไข่ดาวก็จะดูแน่นขึ้น เป็นต้น แต่นี่ยังไม่ใช้ผลเต็มที่ของ finasteride


ในช่วงเดือนที่ 12 จะเป็นช่วงที่สามารถเห็นผลของยาได้อย่างมีนัยยะสำคัญทางสถิติ ตามหลักฐานงานวิจัย เป็นช่วงเวลาที่เราสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงของเส้นผมได้เต็มที่ที่สุด ถึงแม้ผลของยาจะต่างกันไปในแต่ละบุคคลตามพื้นฐานของเส้นผมเดิมที่มี การตอบสนองต่อตัวยา และกรรมพันธุ์เป็นต้น แต่สิ่งที่ช่วยได้แน่นอนคือสามารถช่วยชะลอการหลุดร่วงเพิ่มเติมของเส้นผมที่ศีรษะได้


ถ้ารับประทานยา finasteride ครบ 12 เดือนแล้ว ยังไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน แนะนำกลับไปพบแพทย์ที่จ่ายยาเพื่อปรึกษาหาสาเหตุที่เกิดขึ้น ที่ทำให้ยาไม่เห็นผลเท่าที่ควรจะเป็นครับ


2. PRP หรือ plasma rich platelet



นวัตกรรมการฉีดเกล็ดเลือดเพื่อปลูกผมหรือที่เรียกว่า PRP or Platelet Rich Plasma (พลาสมาที่มีเกล็ดเลือดเข้มข้น) เป็นการฟื้นฟูผมให้เส้นหนา และแข็งแรงขึ้น โดยการเจาะเลือดแล้วนำมาปั่นแยกส่วนที่มีเกล็ดเลือดเข้มข้นออกมา เกล็ดเลือดนอกจากทำหน้าที่หยุดเลือด แล้วยังมีสารโกรท แฟคเตอร์ (growth factor) ต่าง ๆ อยู่เป็นปริมาณมาก growth factors เหล่านี้จะช่วยสร้างและส่งเสริมการสร้างเส้นเลือด กระตุ้นการเจริญเติบโตและการแบ่งตัวของเซลล์เส้นผม โดยเฉพาะเซลล์เดอร์มอลพาพิลาบริเวณรากผมและสเต็มเซลล์รากผม เซลล์ผิวหนัง เซลล์กระดูก ช่วยให้แผลสมานได้เร็วขึ้น ด้วยเทคนิค


การฉีด PRP เพื่อรักษาผมร่วงผมบาง คือ เป็นนวัตการรมที่ปลอดภัยสูง เนื่องจากไม่ได้มีการใช้สารเคมีอื่นใด มีโอกาสแพ้น้อยมากเพราะเป็นเลือดของตัวเราเอง สามารถกระตุ้นทำให้รากผมของผู้ป่วย หากได้รับการรักษาแบบปกติแล้วไม่ดีขึ้น หรือใช้เป็นการรักษาเสริมเข้ามาเพื่อชะลอการหลุดร่วงของเส้นผม ช่วยให้ผมกลับขึ้นมาใหม่ได้เร็วขึ้น นอกจากนี้เมื่อฉีด PRP ร่วมกับการปลูกผม จะช่วยทำให้ผลการปลูกผมดีขึ้น แผลหายเร็วและแผลเป็นน้อยหรือเล็กลง PRP ผลข้างเคียงอาจมีอาการเจ็บบริเวณที่ฉีด ผิวหนังแดงแสบ หน้าบวมจากการฉีดเข้าหนังศีรษะบ้าง แต่ไม่นานก็หายเป็นปกติ


3. PDT Hair Booster

นวัตกรรมใช้แสงสีแดงที่มีความเข้มแสง ความยาวคลื่น ที่เหมาะสมสำหรับกระตุ้นรากผมให้งอกใหม่



Hair transplant

การปลูกผมมี 2 ประเภท คือ FUT (follicle unit transection ) และ FUE (follicle unit extraction). หมอทันจะเขียนความแตกต่างในบทความต่อไป ฝากติดตามด้วยนะครับ

bottom of page